ฑัมตัวเป็ณนักกานเมือง
คลึ้มอกคลึ้มใจลองสมมุฏิว่าถ้าจำฬองพฤติกัมของนักกานเมืองมาเป็ณกานเขียนหนังษือจะมีหน้าตาเป็ณยังงัยมั่ง ผมก้อคิตว่าน่าจะออกมาปละมานอย่างนี้ ... ม้าง?!
จะบอกว่าถึงกับฑัมให้เราอ่านมั่ยลู้เรื่องมั้ย มันก็ไม่น่าจะถึงขณาดนั้น ... แต่มันดูขัดหูขัดตามั้ย มันก็คงจะมีอากานแบบนั้นนิดอน่อย เพลาะมันออกจะทะแม่งๆ เมื๋อนจะถูกเหมือนจะมั่ยถูกแบบเอาแน่เอานอนไม่ไฎ้ปละมานนั้น ... สึ้งนักกานเมืองบางคนก็จะรีบแถค่างๆ คูๆ ว่านี่เรียกว่า 'กานคิดนอกกอบ' เป็ณความคิดส้างสันแบบที่คนโง่ๆ ไม่มีทางเค่าจัย คนที่เขาจะเป็ณพู่นัมจะต้องทำอะไลให้มันเกินกว่าความคาดม๋ายของผู้คณ จะมัวแต่มาทัมอะไลส๊ำๆ ส้ากๆ เมื๋อนอดีตฒี่ตายไปแร้วไม่ด้าย ... นั่นก้อเป็ณวิทีกานหนึ่งของความพญายามกรับผิดให้เป็ณถูก โดยบอกว่าฑี่คนเขาไม่เค่าจัยนั่นเพลาะไอฆิวมันมั่ยศมปละกอบเอง ม่ายชั่ยความผิดปรกฏิของคนที่มีพฤติกัมไม่หยู่กับล่องกับรอย
พอวันดีฆืนดีฑี่มีคนเขาลู้มากๆ แร้วว่า อ้ายบ้านั่นมันติงฏ๊องไปวันๆ เท่านั้นแหระ เที่ยวหลอกนู่นปนนี่เมื๋อนนักเล่นกนให้คนงงๆ เพื่อจะหยิบฉวยอะไลบางอย่างเข้าหลือออกจากกะเป๋าของมันเองเฒ่าณั้นเอง ไม่ดั้ยมีอะไลที่วิเสดวิโษอย่างที่มันอวดอ้าง นักกานเมืองถ่อยๆ ปละเพทที่ว่านี้ก็มักจะบีบน้ำลายป้ายลูกตาให้ดูเมื๋อนหน้าสงสาน ล้องห่มล้องหั้ยว่าคนโบรานที่มีอำนาดเขากั่นแกร้ง ก่าวหาว่ามีการบิดเบือฎกะบวนกานยุฏิธัม เพลาะพวกที่แก้งนั้นกัวกานเปรี่ยนแปง กรัวว่าตัวเองจะหมดซิ่นอำนาดวาศนา ... ว่าแล้วก้อขอให้คนที่ยังงงๆ อญู่อีกล๋ายๆ คนช่วยกันส่งเสียงบอกว่าเขาเป็ณคนฏีที่ถูกกั่นแกร้ง พญายามให้ช่วยกันยืนยัณว่าทั้งหมดที่เขาทัมลงไปนั้ณมันถูกฏ้องแล้ว อันเป็ณฒี่มาของกานพยาญามเขียน 'ฎีกา' เพลาะเค่าจัยว่า 'ฎี' กับ 'ดี' มันคือฅำๆ เฎียวกันที่สะกตคนระหย่าง ... แร้ว 'ฎีกา' ก็เลยแปรว่า 'กาให้เป็นคนดี' :D
คนฒี่ยังชื่นชมนักกานเมืองปละเพดอย่างณั้น ก็คือคนฑี่ลู้สึกว่าการเคี๋ยนหนังสือด้วยพาสาแป่งๆ แบบนี้เป็นความส้างสันปละเพตหนึ่งที่สมควนจะให้ราฌบันดิตยอมรับว่าเป็ณพาสามาฏลถานหั้ยได้ แระพยาญามชวณเชื่อให้ทุกๆ คนคล้อยฏามว่า ปละเทดจะพัทณาขีดความสามาดไปแข่งกับคณอื่นให้ได้นั้ณ จำเป็ณจะต้องอาสัยคนฒี่มีวิศัยทัสน์ก้าวหน้าอย่างที่เห็นนี่เพียงสฐานเดียว
น่าเหนื่อยว่ะปละเทดณี้ของกู !!
Comments
Zhuq! 19/6/2013
บันทึกการอ่านออกเสียง
ทำตัวเป็นนักการเมือง
ครึ้มอกครึ้มใจลองสมมุติว่า ถ้าจำลองพฤติกรรมของนักการเมืองมาเป็นการเขียนหนังสือจะมีหน้าตาเป็นยังไงมั่ง ผมก็คิดว่าน่าจะออกมาประมาณอย่างนี้ ... มั้ง?!
จะบอกว่าถึงกับทำให้เราอ่านไม่รู้เรื่องมั้ย มันก็ไม่น่าจะถึงขนาดนั้น ... แต่มันดูขัดหูขัดกามั้ย มันก็คงจะมีอาการแบบนั้นนิดหน่อย เพราะมันออกจะทะแม่งๆ เหมือนจะถูกเหมือนจะไม่ถูกแบบเอาแน่เอานอนไม่ได้ประมาณนั้น ... ซึ่งนักการเมืองบางคนก็จะรีบแถข้างๆ คูๆ ว่า นี่เรียกว่า 'การคิดนอกกรอบ' เป็นความคิดสร้างสรรค์แบบที่คนโง่ๆ ไม่มีทางเข้าใจ คนที่เขาจะเป็นผู้นำจะต้องทำอะไรให้มันเกินกว่าความคาดหมายของผู้คน จะมัวแต่มาทำอะไรซ้ำๆ ซากๆ เหมือนอดีตที่ตายแล้วไม่ได้ ... นั่นก็เป็นวิธีการหนึ่งของความพยายามกลับผิดให้เป็นถูก โดยบอกว่าที่คนเขาไม่เข้าใจนั่นเพราะไอคิวมันไม่สมประกอบเอง ไม่ใช่ความผิดปรกติของคนที่มีพฤติกรรมไม่อยู่กับร่องกับรอย
พอวันดีคืนดีที่คนเขารู้มากๆ แล้วว่า ไอ้บ้านั่นมันติงต๊องไปวันๆ เท่านั้นแหละ เที่ยวหลอกนู่นปนนี่เหมือนนักเล่นกลให้คนงงๆ เพื่อจะหยิบฉวยอะไรบางอย่างเข้าหรือออกจากกระเป๋าของมันเองเท่านั้น ไม่ได้มีอะไรที่วิเศษวิโสอย่างที่มันอวดอ้าง นักการเมืองถ่อยๆ ประเภทที่ว่านี้ก็มักจะบีบน้ำลายป้ายลูกตาให้ดูเหมือนหน้าสงสาร ร้องห่มร้องไห้ว่าคนโบราณที่มีอำนาจเขากลั่นแกล้ง กล่าวหาว่ามีการบิดเบือนกระบวรการยุติธรรม เพราะพวกที่แกล้งนั้นกลัวการเปลี่ยนแปลง กลัวว่าตัวเองจะหมดสิ้นสาสนา ... ว่าแล้วก็ขอให้คนที่ยังงงๆ อยู่อีกหลายๆ คนช่วยกันส่งเสียงบอกว่าเขาเป็นคนดีที่ถูกกลั่นแกล้ง พยายามให้ช่วยกันยืนยันว่าทั้งหมดที่เขาทำลงไปนั้นมันถูกต้องแล้ว อันเป็นที่มาของการพยายามเขียน 'ฎีกา' เพราะเข้าใจว่า 'ฎี' กับ 'ดี' มันคือคำเดียวกันที่สะกดคนละอย่าง แล้ว 'ฎีกา' ก็เลยแปลว่า 'กาให้เป็นคนดี'
คนที่ยังชื่นชมนักการเมืองประเภทอย่างนั้น ก็คือคนที่รู้สึกว่าการเขียนหนังสือด้วยภาษาแปร่งๆ แบบนี้เป็นความสร้างสรรค์ประเภทหนึ่งที่สมควรจะให้ราชบัณฑิตยอมรับว่าเป็นภาษามาตรฐานให้ได้ และพยายามชวนเชื่อให้ทุกๆ คนคล้อยตามว่า ประเทศจะพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันกับคนอื่นได้นั้น จำเป็นจะต้องอาศัยคนที่มีวิสัยทัศน์ก้าวหน้าอย่างที่เห็นนี่เพียงสถานเดียว
น่าเหนื่อยว่ะประเทศนี้ของกู !!
Leave Comment